Happy Talk
Life Spiration
Live And Learn
Eco-Living
Family In Love
Eat Am Are
Get Fit
Healthy Guide
Money Session
Live Offline
Happy Plus
Happy Life Club
BLA Product
article image
Life Spiration

Lady Taxi ดีกรีบัณฑิตจุฬาฯ แต่ขอเลือกขับแท็กซี่
เมื่อความสุขออกแบบได้ กับรอยยิ้มหลังพวงมาลัย

งานคือเงิน เงินคืองาน แต่ถ้าวันหนึ่งงานที่เราเคยทำแล้วมีความสุข กลับกลายเป็นสิ่งที่บั่นทอนสุขภาพของเรา คุณจะทำยังไง.. วันนี้ Happy Life จะพาไปทำความรู้จักกับ คุณแก้ว-วรรณกวี อยู่วัฒนา บัณฑิตจากรั้วจุฬาฯ ที่เธอเลือกทิ้งงานประจำในแวดวงละครเวที เพราะปัญหาสุขภาพ ก่อนหันมาจับพวงมาลัยขับแท็กซี่ จนพบความสุขในแต่ละวัน พร้อมเรื่องราวมากมาย ที่ทำให้มุมมองการใช้ชีวิตเปลี่ยนไป ไม่แน่ว่าถ้าคุณอ่านบทความนี้จบอาจจะเจอความสุขในแบบของตัวเองก็ได้
 
เริ่มต้นจากสาวอักษรจุฬาฯ
"ตอนนั้นเราเลือกเรียนที่คณะอักษรศาสตร์ ภาควิชาศิลปการละคร จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะเป็นคณะที่เราใฝ่ฝัน ถือว่าเลือกถูกแล้วค่ะ เราได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย และตอนนั้นเราชอบเกี่ยวกับการละคร การแสดง เขียนบทอะไรแบบนี้อยู่แล้วค่ะ"



ปัญหาสุขภาพสร้างจุดเปลี่ยนในชีวิต
"หลังจากที่เราจบมาตอนนั้นก็ไฟแรงมาก เราอยากทำด้านที่เรียนมา เลยเลือกสมัครงานสายบันเทิง ละคร ทำให้เราใช้ชีวิตทำงานประจำในสายของเบื้องหลังละครโทรทัศน์มาตลอด ทำมาหมดแล้วตั้งแต่ ประสานงาน ดูแลนักแสดง  หาข้อมูล ผู้ช่วยผู้กำกับ จนถึงเลขาผู้บริหารก็เป็นมาแล้วค่ะ มีงานใหญ่ ๆ ต่อเนื่องมาตลอด ถามว่าเราชอบไหมก็ชอบนะคะ แต่พอทำไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มมีปัญหาตามมา เพราะอย่างที่หลายคนรู้การทำงานด้านนี้ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเป็นเวลา ออกกองแต่ละครั้งก็เหมือนต้องไปกินนอนที่นั่นเลย เวลาเลิกงานไม่แน่นอน บางทีแทบจะไม่ได้คุยกับคนที่บ้านเลยด้วยซ้ำค่ะ เพราะต้องตื่นตั้งแต่ตี 4-5 กว่าจะเลิกบางทีก็แทบจะอีกวันเลย

พอเป็นแบบนี้นาน ๆ เข้า ทำให้เรามีปัญหาสุขภาพตามมาค่ะ ทั้งปัญหาด้านหัวใจ ตอนนั้นโทรมมากจนหลายคนทัก มีครั้งนึงที่กำลังทำงานอยู่แล้วเกิดหน้ามืดจนตกบันได ทำให้เราเกิดจุดเปลี่ยนในชีวิต เราเริ่มคิดแล้วว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแน่ เราเลยต้องวางแผนที่จะหางานใหม่ ให้ดีต่อสุขภาพเราค่ะ"



เหนื่อยแต่ก็ต้องลองดูสักตั้ง
"หลังจากที่เราลาออกจากงานประจำแล้ว ตอนนั้นก็เคว้ง ๆ คิดว่าเราจะมานั่ง ๆ นอน ๆ อยู่เฉย ๆ เป็นเดือนแบบนี้ไม่ได้ เพราะเราก็มีค่าใช้จ่ายอยู่ตลอด ไหนจะค่าบ้าน ค่ารถ เราเลยลองหาอะไรทำดีกว่า จะมารอให้งานมาหาเราเองคงไม่เวิร์คแน่ ๆ"
  
แล้วทำไมถึงต้องเป็นอาชีพขับแท็กซี่?
"เพราะคุณแม่ค่ะ ตอนที่นอนคิดว่าจะทำอะไรต่อดีเราก็คิดถึงคุณแม่ขึ้นมา แม่เราทำอาชีพขับรถแท็กซี่มาเป็น 10 ปีแล้วค่ะ พอเราไปปรึกษาแม่ก็บอกถ้าจะทำจริงจังต้องไปทำใบขับขี่สาธารณะและบัตรเหลืองก่อน เราก็อยากลองดู พอมารับงานฟรีแลนซ์ขับแท็กซี่ได้แค่ 2 วัน ก็มีเพื่อน ๆ ทั้งที่คณะ ที่ทำงานเก่าช่วยเราแชร์ทำให้เกิดเป็นกระแสในโลกออนไลน์มากมายเลยค่ะ"



"โดยช่วงแรก ๆ เราก็จะทำงานในช่วงเช้าตั้งแต่ตี 5 แล้วก็ขับยาวจนถึงประมาณ 4 โมงเย็น ส่วนรายได้ก็ถือว่าโอเคเลยนะคะ ประมาณ 700 - 1,000 บาทต่อวัน เพราะตอนนั้นเรายังไม่ได้มีลูกค้าแน่นมาก แต่ก็พยายามคิดวิธีการที่จะหาลูกค้าได้มากกว่านี้  เราเลยทำเพจ Kaew's Taxi ที่ลูกค้าจะสามารถเข้ามาสอบถาม จองคิวเราได้ ทำให้เราวางแผนงานในแต่ละวันได้มากขึ้น"
 
 อาชีพนี้ต่างจากที่เราคิดไว้แต่แรกไหม?
"ตอนแรกคิดว่าไม่น่าจะต่างจากที่คิดไว้ เพราะว่าเราเห็นคุณแม่ทำมาตลอด 10 กว่าปี คุณแม่มีรายได้ต่อเดือนมากกว่าเงินเดือนที่เราเคยได้ด้วยซ้ำ แต่พอมาทำจริง ๆ ก็ไม่เหมือนที่คิดไว้เลยค่ะ ยังจำความรู้สึกครั้งแรกที่เรามีเสื้อแท็กซี่ที่ปักชื่อของตัวเองเป็นครั้งแรกได้ ตอนนั้นรู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง อาชีพนี้เราก็ได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ทุกวัน มันไม่ใช่แค่ขับรถเป็นแล้วจะมาทำได้เลยนะคะ เราต้องฝึกสังเกตลูกค้า ต้องศึกษาเส้นทางให้เชี่ยวชาญ ถ้าเรารู้ทางลัด รู้ว่าเวลาไหนต้องใช้เส้นทางไหน หลบเลี่ยงรถติดเก่ง ๆ หรือรู้ว่าตรงไหนขับไปจอด ขับผ่านแล้วมีลูกค้าโบกเยอะ ๆ ต้องขับแบบมีสติมากกว่าเดิมมาก ๆ"
 


ทุกอาชีพมีเกียรติเท่ากัน
"แม่เราก็ทำอาชีพนี้จนส่งเราเรียนจบมาได้ คนรอบตัวที่รู้จักเราจริง ๆ ก็ไม่มีใครดูถูกเหยียดหยามนะคะ มีแต่คนชื่นชม โดยเฉพาะเพื่อน รุ่นพี่ และอาจารย์ เข้ามาอุดหนุนเป็นลูกค้าเยอะมาก และให้กำลังใจ ที่สำคัญที่สุดก็คือใจของเรามากกว่าค่ะ
 
อาชีพนี้เป็นงานอิสระมีเวลาพักผ่อน มีเวลาอยู่กับครอบครัว ได้พบเจอคนเยอะมาก ได้คุยกับคนทุกอาชีพ บางทีเขาก็จะมีเรื่องมาเล่าให้เราฟังบ่อย ๆ ทำให้เรารู้จักคนในหลาย ๆ แบบ เป็นข้อดีที่ได้ศึกษาผู้คน แถมตอนนี้เรายังมีเวลาเรียน มีเวลาศึกษาสิ่งที่เราสนใจ นั่นคือภาษาญี่ปุ่น ตอนนี้เราศึกษาจนสามารถสอบวัดระดับภาษาได้แล้วค่ะ"



อาชีพใหม่กับมุมมองที่เปลี่ยนไป
"เราเคยทุ่มให้งานแบบเต็ม 100 งานไม่เสร็จไม่นอน ไม่มีเวลาพักผ่อนดูแลตัวเอง แป๊ปเดียวเองค่ะ ไม่กี่ปี ร่างพัง ทำให้เราได้บทเรียนจากการทำงานหนัก ทีนี้ก็ต้องปรับมุมมองการใช้ชีวิตใหม่ละ คือไม่ได้มีงานอย่างเดียว แต่ให้เรื่องสุขภาพมาก่อน เพราะถ้าเราสุขภาพดี แข็งแรง เราก็จะสามารถทำงานหาเงินได้เรื่อย ๆ เท่าที่เราไหว แถมยังมีเวลาให้ครอบครัว ให้ตัวเองมากขึ้น ดีกว่ามาอัด ๆ แล้วสุดท้ายถ้าเราล้มป่วยไปก็คือจบ แต่เราก็ยังรักยังให้เกียรติกับทุกอาชีพ ทุกงานที่ทำนะ ไม่ว่าจะเป็นเบื้องหลังละคร หรือแม้แต่ขับแท็กซี่ ไม่มีงานไหนด้อยไปกว่ากัน ไม่มองว่าต่ำต้อย เพราะเป็นอาชีพที่สุจริตเลี้ยงตัวเองได้ค่ะ"
 
อย่ากลัวที่จะต้องเปลี่ยนแปลง
"หลายคนมักจะกลัวการเปลี่ยนแปลง สำหรับคนที่เพิ่งจบใหม่หรือคนที่ทำงานมานานแล้ว แต่มีความรู้สึกว่ายังไม่ใช่ หรือไม่ตรงกับที่เราคิดไว้ อยากจะเปลี่ยนงานแต่ไม่กล้า อยากจะให้มองที่ศักยภาพของตัวเองว่า เราอาจจะไม่ได้มีความสามารถเพียงแค่ด้านเดียว เราอาจจะทำได้ดีหลายอย่าง เพียงแต่เรายังไม่เคยใช้ศักยภาพอีกด้านหนึ่งของตัวเอง ทำอะไรก็ได้ที่ 1. เลี้ยงตัวเองได้ 2. สุจริต ไม่เบียดเบียนใคร 3. มีความสุข แค่นี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ"

CONTRIBUTOR

BLA Happy Life Team

เรื่องต่อไป

อ่านเรื่องราวทั้งหมด